จากกรณีเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2560 ร.ต.อ.ศักดิ์ถาวร หนูแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.มะนาวหวาน อ.พัฒนานิคม ลพบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายที่ หมู่ที่ 2 ต.น้ำสุด อ.พัฒนานิคม ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย ร.ต.อ.ศักดิ์ถาวร จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งได้ประสาน แพทย์เวร รพ.พัฒนานิคม เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองวิทยากร พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ลพบุรี และกำลังอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ้งจุดมะนาวหวาน รุดเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ 

ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ภายในบ้านพบศพ น.ส.ยุวดี ยาตระกาศ อายุ 42 ปี อยู่หมู่ที่ 2 ต.น้ำสุด อ.พัฒนานิคม ลพบุรี ในสภาพนอนหงายบนที่นอนมีผ้าห่มคลุมร่าง โดยผู้ตายสวมเสื้อยืดแขนสั้นลายพรางสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีดำมีเลือดออกจากปากและจมูก ข้างลำตัวผู้เสียชีวิตมีเชือกไนลอน 1 เส้นวางอยู่ ซึ่งคาดว่าเป็นเชือกที่ใช้ในการรัดคอผู้เสียชีวิตเนื่องจากที่ลำคอ น.ส.ยุวดี มีร่องรอยถูกรัดอย่างรุนแรง จนเป็นรอยเขียวช้ำ ซึ่งจากการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6-7 ชั่วโมง 

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า น.ส. ยุวดี ผู้เสียชีวิตพักอาศัยอยู่กับสามี วัย 53 ปี ซึ่งเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี ได้อยู่กินกับนางยุวดีได้เพียงไม่ถึงปี ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามเพื่อนบ้านข้างเคียงทราบว่าสามีของนาง ยุวดีได้หลบหนีไปแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบภายในบ้านที่เกิดเหตุ มีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือตัดพ้อ ระบายความอัดอั้นตันใจที่มีมานาน ถึงเรื่องที่ น.ส.ยุวดี ไม่สนใจทำงานทำการ ชอบแอบเล่นเฟชบุ๊ก แชทไลน์ กับชายอื่น ตนเองกลับจากงานมา ก็ไม่เคยหาข้าวหาน้ำให้กิน เอาแต่เล่นไลน์ เล่นเฟชบุ๊ก ซึ่งตนเองก็ได้ว่ากล่าว ตักเตือน แต่กลับถูก น.ส.ยุวดี ภรรยาด่าว่าอย่างรุนแรง ถึงขั้นไล่ตนเองให้ออกจากบ้านไป ซึ่งตนเองก็ได้แต่เก็บกด พยายามที่จะทน แต่ภรรยาของตนก็ไม่ปรับปรุงตัว แถมยังเย้ยหยันต่างๆนาๆ จนทนไม่ไหวได้เตรียมการณ์ใช้เชือกรอจนภรรยาหลับ จึงได้ลงมือใช้เชือกมัดคอจนตายคามือ

ในท้ายจดหมายยังได้กล่าวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม่ต้องตามขอไปทำใจสักพัก แล้วจะกลับมามอบตัวเอง ทั้งนี้จากการสันนิฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าสามีของ น.ส.ยุวดี คงจะมีการหึงหวงและโกรธแค้น น.ส.ยุวดี ภรรยาที่คุยเฟชบุ๊ก และเล่นไลน์กับชายอื่นไม่สนใจใยดีตน ทั้งที่เป็นคนหาเลี้ยง ก่อนที่จะลงมือฆ่าอย่างเลือดเย็นด้วยความสะใจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ และจดหมายของผู้ที่ก่อเหตุที่น่าจะสามารถจับกุมตัวสามีหึงโหดรายนี้ได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบประวัติว่าผู้ทีก่อเหตุฆ่าภรรยาตัวเองในครั้งนี้มีคดีติดตัวค้างเก่า และมีหมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานีอีกด้วย

ทั้งนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์ พล.ต.ต.ฎิษพจณ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผบก.ภ.จว.ลพบุรีได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สอบสวน ทั้ง ภ.จว.ลพบุรีและในพื้นที่เกิดเหตุ เร่งออกติดตามตัวผู้ที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้ให้จงได้  ซึ่งวันนี้พ.ต.ท.ศุภสรร วัชรเชาวภาส สวญ.สภ.มะนาวหวาน พ.ต.ท.ประจักษ์ เจริญสลุง สว.สส. ได้รับแจ้งจากพ.ต.ท.ปรัชญา บุญยืน สว.สส.พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.วังทองหลาง กรุงเทพฯ ได้ร่วมกันจับกุมตัว จับกุมตัวนายจารึก หรือหน่อย วงศ์ตรี อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 หมู่ที่ 1 ต.ปทุม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ตามหมายศาลจังหวัดลพบุรี ที่ 101/2560 ลงวันที่ 27 มิ.ย.2560 ต้องหาว่ากระทำความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หลังจากหนีไปซุกตัวอยู่กับน้องชายที่กรุงเทพฯ ซึ่งถูกกดดันอย่างหนักจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงยอมเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังทองหลาง อย่างที่เคยรับปากเอาไว้ว่าขอเวลาทำใจสักพัก แล้วจะเข้ามอบตัวเอง นำตัวส่ง สภ.มะนาวหวาน ลพบุรีสถานที่เกิดเหตุ  
            

โดยเมื่อช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายจารึก หรือหน่อย วงศ์ตรี สามีหึงโหดที่ใช้เชือกฆ่ารัดคอภรรยา มาเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และชี้จุดที่เกิดเหตุ ท่ามกลางประชาชนที่ทราบข่าว ต่างจะมาขอดูหน้าฆาตกรโหด กันเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอกำลังสนับสนุนเพิ่มเติม ซึ่งเกรงว่าชาวบ้านและญาติๆ ผู้เสียชีวิตจะรุมประชาทันฑ์ฆาตกรโหดในครั้งนี้ ซึ่งก็ผ่านไปด้วยดีไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเรียบร้อยได้นำตัวนายจารึกส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป ชดใช้กรรมที่ตนเองก่อไว้

ภาพ / ข่าว : ทีมข่าวคลิ๊กนิวส์ จ.ลพบุรี