กรุงโรมถือว่าเป็นอีกหนึ่งอารยธรรมโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งเรื่องวิทยาการ การปกครอง การทหารที่ไม่น้อยหน้าดินแดนไหนๆ ในประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกันกับเรื่องความโหดเหี้ยมในการลงโทษนักโทษด้วยวิธีการต่างๆ ที่เรียกได้ว่าใครเห็นแล้วคงที่จะไม่อยากจะทำผิดเป็นแน่แท้ วันนี้เราจะพาไปพบกับโทษประหารที่เรียกได้ว่า โคตรโหด ที่สุดอีกวิธีหนึ่งที่ใช้กันในสมัยโบราณ

การประหารชนิดนี้ถูกเรียกว่า “จับไปเป็นลา” โดยจะใช้ในการประหารผู้ที่กระทำความผิดในข้อหาปล้นฆ่า เมื่อนักโทษถูกตัดสินให้ประหารชีวิต เพชฌฆาตจะตระเวนไปหา “ลา” โตเต็มวัย หลังจากนั้นก็จะทำการฆ่าลาด้วยทุบหัวให้ลาตายแบบไม่มีแผลภายนอก หลังจากนั้นเพชฌฆาตก็จะทำการกรีดท้องและควักเครื่องในลาออกมาให้หมด

นักโทษจะถูกมัดมือมัดเท้าไพล่ไปด้านหลังติดกัน จากนั้นก็จะถึงช่วงเวลาในการประหาร นักโทษจะถูกนำตัวยัดใส่เข้าไปในท้องลาโดยให้หัวโผล่ออกมาเพื่อให้ไม่ให้นักโทษขาดใจตายจากการขาดอากาศหายใจและทำการเย็บปิดท้องลาให้สนิท จากนั้นเพชฌฆาตก็จะนำนักโทษที่ถูกบรรจุไว้ในซากลาไปทิ้งไว้ที่แท่นประหารกลางแดด

ความทรมานของนักโทษจะเริ่มต้นขึ้นด้วยการถูกแสงแดดเผาไปพร้อมๆ กับซากลาที่เริ่มเน่าลงทุกวันๆ กลิ่นรวมไปถึงของเหลวที่ไหลออกมาจากซากลาจะดึงดูดให้แมลงต่างๆ บินเข้ามาวางไข่ ภายในซากลานั้นจะเริ่มเน่า หนอนต่างๆ ที่ฟักตัวก็จะกัดกินร่างของนักโทษให้ทรมาน ยังไม่รวมถึงอีกาและแร้งที่จะคอยลงมาจิกซากลารวมไปถึงร่างของนักโทษทั้งเป็น นักโทษจะมีชีวิตไม่ต่ำกว่า 5 วันก่อนจะขาดใจตายด้วยอาการอดน้ำอดอาหารและความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ

เหตุที่ชาวโรมันนั้นนิยมการประหารนักโทษให้ตายช้าๆ นั้นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาเชื่อว่า “ความตาย” นั้นคือการสิ้นสุด การปลดปล่อยวิญญาณ หากให้ผู้ที่กระทำความผิดตายไปโดยที่ไม่มีความทรมานใดๆ ก็เหมือนกับว่าเป็นการยกโทษให้ผู้กระทำความผิดโดยที่ไม่มีการลงโทษ ดังนั้นการลงโทษประหารชีวิตของพวกเขานั้นจึงต้องทำด้วยวิธีที่ให้ผู้กระทำความผิดได้รับความทรมานมากที่สุดให้เหมาะสมกับความผิดที่ทำไว้นั่นเอง

แค่นึกภาพตามก็สยองแล้ว ถ้ามาใช้ในประเทศไทย โจรขโมยคงหายไปเยอะเลย

ขอบคุณข้อมูล SpokeDark.TV